Life, Review, Travel

น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔

น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔
น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔
น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔
น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔
น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔
น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔
น้องหมามูจิกับกระต่ายมิกุพาพักผ่อนที่เขาใหญ่ 🌴🏔

ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาถึอเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างยุ่งของพวกเรางานหลายงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องทำให้พวกเราแถบไม่มีเวลาพาเด็กๆไปเที่ยวพักผ่อน ช่วงนี้พอมีเวลาว่างสามสี่วันพวกเราเลยรีบจัดกระเป๋าแล้วออกเดินทางเพื่อสร้างความทรงจำที่ดีร่วมกันกับเด็กๆ ของในกระเป๋าพร้อม สุขภาพร่างกายก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่เราต้องพร้อม โดยเฉพาะกับน้องมูจิด้วยแล้ว สุขภาพเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญที่สุด ก่อนออกเดินทางไปเที่ยวทุกครั้ง เราต้องเชคเรื่องวัคซีนว่าช่วงนั้นต้องมีฉีดอะไรเพิ่มเติมด้วยหรือเปล่า อาบน้ำ ตัดขน ทำความสะอาดร่างกาย พร้อมหยอดยาป้องกันเห็บ หมัด ไร พญาธิหนอนหัวใจ ปกป้องครบจบในหลอดเดียว สะดวกสบายแบบนี้หายห่วงว่าการเดินทางครั้งนี้ น้องมูจิจะปลอดภัยจากทั้งปรสิตภายใน และปรสิตภายนอกอย่างแน่นอน

 

🚗🚗🚗

ของพร้อม ร่ายกายพร้อม ใจพร้อม เราก็ออกเดินทางกันได้เลยครับ ทริปนี้เราเลือกทริปที่ไม่ไกลมาก เดินทางสะดวก นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เรากลับมาที่ เขาใหญ่ในรอบ 1 ปี เขาใหญ่ถือเป็นที่ท่องเที่ยวอีกหนึ่งที่ที่เราชอบมาก เพราะการเดินทางที่ไม่ไกลมากนัก อากาศดี และมีที่เที่ยวหลากหลาย มีร้านกาแฟร้านอาหารสวยๆให้เลือกมากมาย ต้องบอกเลยว่าผมเป็นคนที่ขึ้เกียจขับรถทางไกลมากๆ พวกเราใช้เวลาเดินทางไปเขาใหญ่ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นเวลาที่กำลังดี ไม่นานจนเกินไป และถนนหนทางก็ขับสบาย ถ้าให้ผมเลือก ผมชอบขับรถทางเส้นนี้ที่มุ่งหน้าไปนครราชสีมา มากกว่าเส้นทางไปหัวหิน หรือไประยอง ไม่รู้ทำไม่เหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะความคุ้นเคยอะไรบางอย่าง

ทริปนี้เป็นทริป 4 วัน 3 คืน 🐶🐰😘

เราตั้งใจว่าเราจะมาพักผ่อนชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็ม มีเวลาหายใจ และสูดอากาศบริสุทธิ์ นั่งทบทวนถึงสิ่งที่ต้องทำเมื่อกลับไป การใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพทุกวันนี้ เราต้องเผชิญกับความเร่งรีบทุกสิ่งอย่าง จนทำให้เราลืมอะไรต่างๆนานาไปมากมาย ลืมแม้กระทั่งว่างานไหนควรทำก่อนหลัง เราแถบไม่มีเวลาหยุดคิด ได้แต่ทำ ทำ และทำ การพักผ่อนในช่วงวันหยุดผมถือว่ามันเป็นสิ่งที่ช่วงให้เราได้หยุดพัก เพื่อทบทวนแล้วเดินหน้าต่อ ด้วยความที่ผมทำอาชีพอิสระ บางทีก็หลงลืมดูปฎิทินไปว่าวันไหนคือวันหยุด ช่วงที่เราเดินทางไปเขาใหญ่เป็นช่วง Long Weekend ซึ่งเอาเข้าจริงๆผมไม่รู้เลย ตอนจองที่พักก็ไม่รู้ มารู้อีกทีคือวันเดินทางแล้ว

ผมเดินทางไปถึงช่วงบ่ายวันจันทร์ ซึ่งคนส่วนใหญ่จะหยุดยาวกันถึงวันอังคาร ทริปนี้เราเลือกพักกันที่ โรงแรม Dusit D2 พอเราเดินทางไปถึงก็พบว่ามีแขกมาพักหนาตามากๆ แต่ด้วยบริเวณที่ค่อนข้างกว้างขวางของทางโรงแรม ทำให้เราไม่รู้สึกอีดอัดแต่อย่างใด อ๋อ ผมลืมบอกไปว่าที่เลือกมาพักที่ Dusit D2 เพราะที่นี่เป็นโรงแรมที่สามารถพาสัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ การพักในที่นี้หมายถึงเราสามารถพาน้องหมา น้องแมว น้องกระต่ายเข้าไปอยู่ในห้องนอนเดียวกันกับเราได้เลย เริ่มน่าสนใจแล้วใช่ไหมหล่ะครับ ถูกต้องครับที่พักหลายแห่งให้สัตว์เลี้ยงเข้าพักได้ก็จริง แต่บางทีเขาก็จะแยกที่พักต่างหากสำหรับสัตว์เลี้ยงกับเจ้าของ และผมเชื่อว่าเราไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอย่างแน่นอน เรามาเที่ยวด้วยกันเราก็ต้องอยากจะพักด้วยกันเป็นธรรมดา ที่นี่เลยถือว่าตอบโจทย์สิ่งที่หลายๆคนต้องการ ความประทับใจแรกของพวกเราคือพนักงานทุกคนยิ้มแย้มให้การต้อนรับแขกที่มาพักอย่างดีเยี่ยม ให้ความรู้สึกที่สบายและเป็นกันเอง พอเราเชคอินเสร็จ พนักงานก็เดินพาเราไปยังห้องพัก

ห้องพักสำหรับแขกที่นำสัตว์เลี้ยงมาด้วย จะอยู่บริเวณชั้นล่างติดกับสนามหญ้า เท่าที่ทราบมาจะมีห้องพักสำหรับที่สัตว์เลี้ยงอาศัยอยู่ได้ประมาณ 10 ห้องด้วยกัน เราพักกันที่ห้อง 106 เมื่อเรามาถึงห้องก็ทำการเก็บข้าวของเข้าที่ ที่นี่จะคิดค่าบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงตัวละ 1000 บาท ต่อ 1 คืน และจำกัดน้ำหนักตัวอยู่ที่ไม่เกิน 7 กิโลกรัม แต่ในอนาคตทางโรงแรมมีแผนจะปรับน้ำหนักให้มากขึ้นเพื่อน้องหมาที่ตัวใหญ่ขึ้นสามารถเข้าพักที่นี่ได้เช่นเดียวกัน ทางโรงแรมอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงด้วยการเตรียมที่นอน และจานอาหารไว้ให้สำหรับน้องๆด้วย

แต่ผมขอแนะนำเพิ่มเติมว่าเราเองจะรู้นิสัยสัตว์เลี้ยงเราได้อย่างดีที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงของเราทำลายข้าวของของทางโรงแรม เราควรหาวิธีป้องกัน อาจต้องเตรียมคอกหรือกรงสำหรับน้องๆเพื่อให้เขาอยู่ในบริเวณที่เราสามารถควบคุมได้ และไม่ก่อความวุ่นวายกับทรัพย์สินของทางโรงแรม

สิ่งแรกที่พวกเราสะดุดตาที่สุดเมื่อเปิดเข้าไปในห้องพัก นั่นก็คือ อ่างอาบน้ำที่อยู่บริเวณกลางห้อง สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่แปลกใหม่มากๆ เพราะโดยปกติแล้วเรามักจะเห็นอ่างอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำ อยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างมิดชิด แต่ที่ Dusit D2 อ่างอาบน้ำอยู่ถัดจากเตียงมาไม่ไกลนัก แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะโป๊หรือเขิลนะครับเพราะเขามีผ้าม่านที่สามารถปิดแบ่งเขต อาณาบริเวณได้ ข้อดีของการมีอ่างอาบน้ำอยู่กลางห้องหน่ะหรอ ผมคิดว่ามันทำให้เรารู้สึกไม่อึดอัดเวลาที่เราต้องแช่น้ำ และที่สำคัญที่ผมคิดว่าคนที่มาพักที่นี่ต้องชอบมากๆก็คือ เราสามารถแช่น้ำไปถ่ายรูปไป และการที่ไม่มีผนังมาแบ่งกั้นห้องน้ำกับห้องนอน เลยทำให้เราสามารถได้มุมภาพที่สวยมากของการแช่น้ำ แค่คิดผมก็อยากจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงแช่น้ำแล้วสิ แต่ยังก่อนเราเพิ่งมาถึง และทริปนี้เป็นทริปพักผ่อนของเด็กๆ เราจะมาทำตัวขี้เกียจแบบนี้ไม่ได้

🛁

พอเก็บของเข้าที่เสร็จ ผมก็พาน้องมูจิไปทักทายเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านในที่นี้หมายถึงน้องหมาที่อาศัยอยู่ห้องข้างๆ ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นน้องหมาสายพันธุ์ไหนกันบ้าง แต่ผมได้ยินเสียงน้องหมา ผมเลยจับมูจิใส่สายจูงแล้วพาออกไปที่สนามหญ้า ด้วยความที่ห้องพักอยู่ชั้นล่างติดกับสนามหญ้า เพียงเปิดกระจกเราก็สามารถเดินออกไปนอกห้องได้เลย สะดวกสบายมากๆครับ สนามหญ้าด้านหน้าห้องก็กว้างขวางเหมาะสำหรับเป็นที่ให้น้องหมาวิ่งกันมากๆ เพื่อนบ้านที่เราเจอมีน้องหมาปอมชื่อ Leo น้องบีเกิ้ลชื่อ พีท และน้องบูลด๊อกชื่อ ปลาวาฬ และแพนด้า ทุกตัวน่ารักมากๆ พอเราได้เห็นน้องมูจิวิ่งเล่นทักทายกับน้องหมาตัวอื่นก็ทำให้เราอดยิ้มไม่ได้ เพราะส่วนใหญ่มูจิจะไม่ได้วิ่งแบบอิสระแบบนี้บ่อยนัก พวกเราเลยใช้เวลาช่วงเย็นวันแรกด้วยการพามูจิเดินเล่นรอบๆโรงแรมสำรวจมุมต่างๆเตรียมไว้สำหรับพาน้องมูจิมาถ่ายรูปเล่น

ผมลืมบอกไปว่าที่โรงแรม Dusit D2 มีอัลปาก้าด้วยนะ ทางโรงแรมเลี้ยงไว้ทั้งหมด 3 ตัว โดยส่วนตัวแล้วผมชอบอัลปาก้ามากๆ เพราะด้วยหน้าตาที่น่ารัก วิธีเคี้ยวเอื้องก็ดูตลกดี เวลาน้องมูจิไม่ใส่เสื้อผ้า ก็มีความคล้ายอัลปาก้าอยู่ แต่เป็นที่น่าเสียดายมากเพราะวันที่เรามาถึงน้องอัลปาก้าป่วยไม่สบาย น่าจะเป็นเพราะฝนตกบ่อยและอากาศชื้น เราเลยอดพามูจิไปทักทายกับพี่ๆอัลปาก้า

มื้อเย็นวันนี้เนื่องจากเราเพิ่งเดินทางมาถึง ยังเพลียๆไม่อยากออกไปไหนเราเลยฝากท้องกันที่ร้านอาหารของโรงแรม ดินเนอร์มื้อค่ำวันนี้เราสั่งพิซซ่า Signature ของทางโรงแรม และสปาเกตตี้คาโบนาร่า โอ้โห อร่อยมากครับ โดยเฉพาะคาโบนาร่าที่ให้เนื้อมาแบบเน้นๆ ปกติเราจะเคยกินกันแบบพอชั่นเล็กๆเบคอนน้อยๆ แต่ที่นี่หนักเครื่องสะใจพวกเรามากๆ อิ่มอร่อยมื้อค่ำวันนี้ พวกเราก็เดินทางกลับห้องพักส่งเด็กๆเข้านอน ส่วนพวกเราก็อาบน้ำแช่น้ำอุ่น นอนเล่น ROV แบบยาวไป ยาวไป

วันที่สอง

เราตื่นมาประมาณ 8 โมงครึ่ง ร่องลอยของหยาดฝนเมื่อคืนยังคงหลงเหลืออยู่ตามใบหญ้า เอาเข้าจริงพวกเราไม่รู้หรอกครับว่าเมื่อคืนฝนตก เพราะเรานอนหลับกันสบายมาก เตียงที่นี่นุ่มเหลือกเกิน หมอนหนุนหัวก็สบาย ผ้าห่มนิ่มน้ำหนักกำลังพอดี เลยเป็นการหลับลึกที่เต็มอิ่มมาก เราค่อนข้างโชคดีเพราะก่อนหน้าที่เราจะมาเราเชคพยากรณ์อากาศกันเพราะช่วงนี้เป็นฤดูฝนเราก็คิดอยู่ว่าฝนจะตกไหม พยากรณ์อากาศบอกว่าฝนตกทุกวัน แต่ทั้งสี่วันที่เรามาฝนไม่ตกช่วงกลางวันเลยหนีไปตกตอนกลางคืนทำให้ช่วงกลางคืนอากาศค่อนข้างเย็นสบาย ส่วนอากาศช่วงกลางวันก็ไม่ร้อนจนเกินไป

อาหารมื้อเช้าของทางโรงแรมที่เตรียมไว้ให้สำหรับแขกที่มาพักก็มีให้เลือกมากมายหลากหลายเมนู ทั้งก๋วยเตี๋ยว English Breakfast อาหารไทย ขนมปัง สลัด และเครื่องดื่ม เนื่องจากวันนี้ยังถือเป็นวันหยุดของใครอีกหลายคน เลยทำให้มื้อเช้าวันนี้ค่อนข้างคึกคักมีคนมาทานอาหารมากมายหลายโต๊ะ หลังจากเรารับประทานอาหารมื้อเช้าเป็นที่เรียบร้อย เราก็กลับเข้าห้องนอนเหยียดตัวยาวพักผ่อน ก่อนที่ช่วงบ่ายเราจะพามูจิ และมิกุออกมาวิ่งเล่นที่สนามหญ้าและถ่ายรูปเล่นกัน

เรียกได้ว่าสี่วันสามคืนที่นี่เราแถบไม่ได้ออกไปเที่ยวกันที่อื่นเลย เพราะในบริเวณโรงแรม  Dusit D2 นั้นมีกิจกรรมต่างๆมากมายให้เลือกทำ ทั้งการปีนหน้าผาจำลอง การปั่นจักรยาน และสระว่ายน้ำที่เรียกได้ว่าสวยงามเหมาะกับการว่ายน้ำและถ่ายรูปไปอวดเพื่อนมากๆ วิวด้านหลังมองออกไปเป็นภูเขา แค่ได้ว่ายน้ำมองดูวิวก็สบายใจแล้ว

พวกเราจบทริปนี้ด้วยความรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากในการมาพักที่โรงแรม Dusit D2 บรรยากาศดี ความกว้างขวางของบริเวณโดยรอบโรงแรม พนักงานที่ยิ้มแย้ม เป็นกันเอง และที่สำคัญที่สุด ที่นี่เป็นโรงแรมที่ยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยง และมีบริเวณกว้างขวางที่เราสามารถใช้เวลาร่วมกันกับสัตว์เลี้ยงที่เรารักได้อย่างเต็มที่ ชีวิตคือการเดินทาง การเดินทางนำมาซึ่งความทรงจำดีๆมากมาย จงสนุกกับการเดินทางใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงที่เรารัก แล้วเจอกับพวกเราได้ใหม่ในทริปหน้านะครับ  🙂

🌴🌴🌴

Comments

comments