สวัสดีครับผม 🙏🏻

ก่อนหน้านี้หลายๆคนคงเคยได้เห็นกระทู้ตกแต่งห้องให้น้อง Muji 🐶 ของพวกเรากันไปแล้ว เมื่อสงกรานต์ปีที่ผ่านมา หลังจากได้รับน้องมูจิเข้ามาอยู่ในครอบครัว สองเดือนหลังจากนั้นเราก็ตัดสินใจกันว่าจะใช้เงินจำนวน 30,000 บาท 💰 ในการตกแต่งห้องใหม่ เพื่อเป็นห้องให้น้องมูจิได้วิ่งเล่น หลังจากวันนั้นไม่กี่เดือน พวกเราก็มีกระต่ายชื่อน้อง Miku 🐰 เข้ามาเพิ่มจำนวนประชากรในห้องให้อบอุ่นมากยิ่งขึ้น พวกเราเริ่มตกแต่งโดยอยากให้ภาพรวมของห้องนั้นดูเรียบง่ายสะอาดตา

นี่เป็นภาพรีโนเวทครั้งแรกครับ

ถ้าย้อนกลับไปดูภาพวันที่เราลงรีวิวในครั้งแรก จนถึงภาพล่าสุดก่อนที่จะมีการปรับปรุงห้องใหม่อีกครั้ง จากห้องที่ค่อนข้างโล่งในวันแรกที่ทำเสร็จ ก็เริ่มมีการซื้อของใช้เพิ่มเติมทำให้จำนวนสิ่งของเครื่องใช้ในห้องเพิ่มเยอะขึ้นตามกาลเวลา จากที่อยากให้ห้องดูโล่งเรียบง่ายกลายเป็นห้องของคนชอบสะสมไปซะงั้น

หลังจากนั้นก็เป็นตาน้อง Miku 🐰💕 เยี่ยมชมห้องใหม่กันบ้างครับ เราเปิดให้ Miku ออกจากกรง พอเท้าสัมผัสพรมเท่านั้นหล่ะ วิ่งกระโดดไม่หยุดเลยครับ เบรคเอี๊ยดได้ดั่งใจไม่ลื่นไถลอีกต่อไป ทั้ง Muji และ Miku ก็วิ่งเล่นกันไปอย่างสนุกสนาน ผู้ปกครองอย่างเราพอเห็นเขามีความสุขก็แอบอมยิ้มและดีใจไม่ได้ เหนื่อยมาทั้งวันจากการตกแต่งห้องใหม่ วันนี้พวกเราเลยสลบกันไปโดยมีน้องมูจิ นอนอยู่บนพรม

คงแอบคิดในใจว่าโตแล้วมูจะนอนที่ไหนก็ได้ 🐶

โดยเฉพาะห้องนอนใหม่ปูพรมรอบห้องแบบนี้ของโปรดน้องมูจิเขาเลยหล่ะครับ ก็คงเหมือนเราที่ชอบนอนบนที่นอนนิ่มๆ น้องหมาก็คงเช่นเดียวกัน จากเมื่อก่อนที่มีพรมชิ้นเล็กๆวางกลางห้อง เขาก็ชอบไปนอนตรงบริเวณนั้น แต่ตอนนี้พวกเราเชื่อวา ทุกที่จะกลายเป็นที่นอนของน้องมู และสามารถทำตัวขี้เกียจได้แน่นอน

กิจกรรมสองสิ่งในชีวิตที่ผมชอบมากเป็นพิเศษคือ การฟังเพลง 🎶 และการอ่านหนังสือ 📖 เลยทำให้ทั้งจำนวนแผ่นเสียง และจำนวนหนังสือเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ 📚 เมื่อเรามีสิ่งที่รัก เราก็มักอยากให้สิ่งเหล่านั้นเข้ามาอยู่ใกล้ตัวเราให้มากที่สุด ห้องนอนก็ถือเป็นห้องที่พวกเราใช้เป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว ผมเลยอยากจะยัดของสองสิ่งที่รักให้มาอยู่ในที่เดียวกันแต่ก็ไม่สามารถทำได้

 จำนวนซีดีและเทปหนึ่งพันกว่าอัลบั้ม 🎧

รวมถึงหนังสืออีกหลายร้อยเล่ม 📖 ก็ถูกเก็บกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆตามความเหมาะสม ส่วนในห้องนอนนี้ก็ได้แต่คัดที่เรารักมากๆให้มาอยู่ใกล้เพื่อความอุ่นใจ นอกจากของที่เยอะขึ้นแล้ว พอใช้ห้องนี้มาสักระยะก็เริ่มรู้สึกเบื่อกับมุมเดิมๆที่ใช้อยู่ทุกวัน หลายๆคนคงเคยเป็นเหมือนผม พอเราอยู่ในที่เดิมซ้ำๆบางทีเราก็รู้สึกว่าชีวิตมันขาดแรงบันดาลใจ เราใช้พื้นที่เดิม ทำสิ่งเดิมๆวนไปทุกวัน จนกลายเป็นความเคยชินที่เราไม่รู้ตัว

การตกแต่งห้องใหม่เลยเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เรากลับมาตื่นเต้นกับสิ่งของรอบกายเราได้อีกครั้งและเป็นแรงบันดาลใจในการพักผ่อนอีกด้วย โชคดีที่เฟอร์นิเจอร์ที่เราใช้ส่วนใหญ่จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้ สะดวกเหมาะกับการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ยกเว้นก็แต่ตู้ใส่เสื้อผ้าและตู้เครื่องแป้งที่บิ้วอินมาตั้งแต่เดิม กับพื้นห้องเก่าๆที่ลำบากมากในการเปลี่ยนหรือทำใหม่ 😩

ครั้งก่อนที่เรารีโนเวทห้องไป ด้วยความที่เรามีงบและเวลาที่ค่อนข้างจำกัดในการทำห้องเพื่อให้ห้องออกมาเสร็จสมบูรณ์รวดเร็วที่สุดและประหยัดงบที่สุด ในส่วนของพื้นห้องเราเลยทาสีขาวทับลงไปบนไม้ปาร์เก้เดิม ซึ่งก็มีหลายคนสอบถามเข้ามาว่าสีที่ผมใช้ทานั้นมันสามารถทาลงบนไม้ได้ด้วยหรอ และเรื่องความทนทานเป็นยังไงบ้าง เอาเข้าจริงตัวผมก็ไม่ได้มีความรู้หรือความชำนาญในเรื่องนี้มากนัก

🏚

ตอนที่ทำก็ถามพนักงานที่ร้านว่าต้องการสีอะไรก็ได้ที่สามารถทาทับลงบนไม้ปาร์เก้เก่าได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาขัดไม้ก่อน และด้วยความที่มันเก่ามากแล้วเราเลยไม่ได้สนใจเรื่องความเนี๊ยบมากนัก เพราะจากสภาพบ้านที่อยู่มาวันนี้ก็ปาเข้าไป 23 ปี ปาร์เก้ที่ใช้อยู่ก็เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา สังเกตุได้จากร่องระหว่างไม้ปาร์เก้ที่มีการผุกร่อน ไม้แยกตัวห่างจากกัน

แต่ผมก็มองว่ามันก็สวยดีได้อารมณ์ดิบๆไปอีกแบบ ทีแรกก็คิดว่าอยากได้ลามิเนทมาปูพื้น แต่ก็ค่อนข้างยุ่งยากเนื่องจากไม้เดิมที่มีอยู่มันปูดบ้าง แยกตัวจากกันบ้าง เวลาปูลามิเนทลงไปอาจทำให้ไม่เรียบและก่อให้เกิดปัญหาตามมาในอนาคต คั้นจะรื้อปาร์เก้ออกหมดแล้วฉาบปูนลงไปใหม่ก็ใช้เวลาค่อนข้างเยอะ พวกเราต้องการประหยัดเวลาให้มากที่สุดในการทำเรา เราเลยจบด้วยการทาสีขาวง่ายๆลงไปแทน

🍃

จากที่ใช้มา 8  เดือนสีไม่หลุดไม่ร่อนถ้าไม่มีอะไรไปขูดนะครับ แต่สีขาวทำให้พื้นดูสกปรกง่ายมาก และเวลาที่น้อง Muji หรือ Miku วิ่งเล่นก็มักจะเบรคตัวแล้วลื่นไถล หลายคนที่เลี้ยงสุนัข 🐶 ก็มีการเตือนมาเหมือนกันครับว่าพื้นที่ลื่นอาจทำให้ขาของสุนัขเสียได้ ❌ ก่อนหน้านี้เราก็เคยคิดเรื่องการปูพรมพื้นห้อง แต่พรมขนาดใหญ่เท่าห้องก็ดูเป็นเรื่องยุ่งยากสำหรับพวกเราอยู่เหมือนกันในการทำความสะอาด และการติดตั้ง

👉🏻 จนเมื่อช่วงตุลาคม พวกเราได้รับการติดต่อมาจากบริษัทนำเข้าพรม อยากให้เราทดลองใช้พรมยี่ห้อ TOLI ทางบริษัทแนะนำมาว่าพรมยี่ห้อนี้มีคุณสมบัติที่ดีเหมาะสำหรับคนเลี้ยงสัตว์และมีสมาชิกในครอบครัวเป็นเด็กเล็ก เนื่องจากพรมยี่ห้อ

TOLI Fabric Floor Easy Carpet

นั้นมีให้เลือกมากมายหลากหลายแบบ สามารถประกอบใช้เองได้สะดวก สามารถแกะและนำไปทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ดูซับกลิ่น และเป็นพรม DIY ขนาดเล็กเจ้าแรกที่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย แต่เพราะพวกเราไม่ได้มีความรู้ความชำนาญเรื่องการติดตั้งพรมมาก่อนและยังไม่ทราบว่าหน้าตาของพรมชนิดดังกล่าวเป็นอย่างไร สวยถูกใจและเหมาะกับห้องหรือไม่ ทางเราจึงขอศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจ

สัมผัสแรกที่ได้เห็นจากรูปภาพประกอบของพรมยี่ห้อ TOLI เป็นภาพประกอบที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น มีภาพแม่ลูกและสัตว์เลี้ยงอยู่บนพรม  มีวิธีการติดตั้ง และการดูแลรักษาที่ชัดเจน ทำให้มั่นใจขึ้นได้ว่าการติดตั้งพรมในห้องนั้นไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป 😁

พอมาดูที่ประเภทของพรม TOLI ก็มีให้เลือกหลากหลายขึ้นอยู่กับชนิดของการใช้งาน ทั้งพรมสี่เหลี่ยมจตุรัส

👉🏻 ขนาด 40×40 เซนติเมตร ราคาแผ่นละ  300-380 บาท 💰 หรือ 

👉🏻 50×50 เซนติเมตร ราคาแผ่นละ  440-780 บาท 

ขึ้นอยู่กับชนิดและเนื้อสัมผัสของพรม มีสีสันเนื้อสัมผัสและลวดลายให้เลือกหลากหลายตามความชื่นชอบของผู้ใช้งาน

ขนาดของตัวอย่างที่แนบมากับเล่ม Catalogue ค่อนข้างเล็กแต่ก็พอมองเห็นภาพได้ว่าผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้นั้นเหมาะกับห้องพวกเราหรือไม่ จากความต้องการดั้งเดิมของพวกเราที่อยากจะปูพรมพื้นผิวห้องเพื่อปกปิดแผ่นไม้เก่าอยู่แล้ว ทางเราจึงตกลงเพื่อขอทดลองใช้พรมยี่ห้อ TOLI โดยเราขอสัมผัสเนื้อพรมในขนาดที่ใหญ่ขึ้นและบอกสีที่เราต้องการไป

ทางบริษัทได้ส่งตัวอย่างของพรมในขนาดที่ใหญ่ขึ้นเพื่อให้เราได้สัมผัส เนื้อพรมที่เราสนใจเป็นพรมขนาด 40×40 เซนติเมตร เหมาะสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงหรือเด็กเล็ก ส่วนสีที่พวกเราชอบนั้นคือสีครีม กับสีเทา ด้วยห้องเดิมเรานั้นเน้นตกแต่งด้วยโทนสีขาวและใช้ไม้สีอ่อนในการตกแต่ง พรมสีครีมน่าจะช่วยทำให้ห้องดูสว่างและอบอุ่นมากยิ่งขึ้น ส่วนสีเทานั้นเราจะนำมาคัดลายตารางเพื่อทำให้พื้นผิวดูน่าสนใจมากขึ้น

หลังจากเราได้พรมมาก็ถึงขั้นตอนของการติดตั้ง ผมเลือกพรมแบบ Fluffy (AK-260) เพราะสัมผัสที่นุ่มฟู และกันน้ำได้ดี ใน 1 กล่อง จะบรรจุ พรมขนาด 40×40 เซนติเมตร จำนวน 10 แผ่น รุ่นนี้ราคาแผ่นละ 380 บาทความหนาของเนื้อพรมประมาณ 1 เซนติเมตร ที่ข้างกล่องเขียนคำว่า Made in Japan โดยส่วนตัวนั้นผมชอบคำนี้มากๆ เหมือนเป็นคำวิเศษที่ยืนยันในเรื่องคุณภาพได้ดี 👍🏻

ผมว่าข้อดีที่สุดของพรม TOLI คือการที่เราสามารถเลือกซื้อได้ตามความต้องการ ในปริมาณที่ต้องการ อยากจะซื้อแค่ 1 แผ่นก็สามารถสั่งซื้อได้ เพียงแค่เรารู้ขนาดของบริเวณที่ราต้องการปูเราก็สามารถทำการคำนวนจำนวนที่ต้องการซื้อได้เลย ด้วยวิธีนี้เองที่ทำให้เราสามารถครีเอทตกแต่งลายได้ตามความชอบ การติดตั้งก็ง่าย และที่สำคัญการที่แต่ละชิ้นเป็นชิ้นเล็กจึงทำให้การทำความสะอาดนั้นสะดวกมากกว่าพรมชนิดแผ่นใหญ่ การนำมาจัดวางในบางส่วนเพื่อเพิ่มความน่าสนใจให้กับห้องก็เป็นอีกทางเลือกที่ดี

เราเริ่มเคลื่อนย้ายของจากมุมห้องหนึ่งออกไปก่อนเพื่อทำความสะอาดบริเวณนั้น พวกเราใช้ผ้าเปียกเช็ดทำความสะอาดที่บริเวณผิวไม้พร้อมกับบอกลาไม้ปาร์เก้เก่า ขอบคุณสำหรับการทำงานที่ยาวนานกว่า 23 ปี ถึงเวลาที่พวกมันจะได้พักผ่อนกันสักที เราจะให้พวกมันได้นอนหลับสบายๆด้านล่างไม่ต้องถูกเหยียบย่ำให้ระคายเคืองอีกต่อไป 555+

หลังจากเราเช็ดตามด้วยผ้าแห้งแล้วเราก็แกะพลาสติกที่ห่อด้านหลังพรมออก บริเวณนี้เองที่เป็นเส้นยางบางๆเป็นแนวยาว ทำหน้าที่เกาะติดกับพื้นผิว ผมว่ามันเจ๋งมากๆตรงที่มีความหนึบแต่ไม่มีความเหนียวเนอะหนะและไม่ทิ้งคราบไว้ เพราะฉะนั้นเราสามารถวางและโยกย้ายพรมได้มากตามความต้องการ ติดไม่ตรง ติดเบี้ยว อยากย้ายตำแหน่งก็สามารถทำได้ง่ายดายมากๆ

ในส่วนการต่อนั้นก็เพียงวางให้อยู่ในระนาบเดียวกัน แต่ด้วยความที่ห้องผมมีองศาบ้านที่บูดเบี้ยวนิดหน่อยทำให้เมื่อต่อกันตามองศาแล้ว บางตำแหน่งจะเฉียงเองโดยอัตโนมัติ เลยทำให้เหลือช่องว่างตามขอบห้อง วิธีการตัดพรมเพื่อประกอบส่วนนี้ก็ทำได้ไม่ยากครับ ตอนแรกพอได้ชื่อว่าเป็นพรม พวกเราก็คิดว่าน่าจะตัดยากเพราะพรมค่อนข้างหนา แต่พอเอาเข้าจริง เราแค่หงายด้านหลังของพรม จุดตำแหน่งที่ต้องการตัดออก แล้วใช้คัตเตอร์และไม้บรรทัดฟุตเหล็กและแผ่นรองตัด เพียงแค่นี้ก็ตัดออกได้โดยไม่ต้องออกแรงอะไรมากมาย ง่ายกว่าที่คิดไว้มาก ส่วนเรื่องลายที่เราจะสลับสีกันนั้นก็เลือกบริเวณที่เราต้องการและวางสลับกันได้เลย ◼️◻️◼️◻️

ผมปรับเลย์เอาท์ของห้องใหม่ทั้งหมด

โดยโต๊ะทำงานเดิมนั้นเนื่องจากพวกเราติดไว้กับกำแพงเราเลยไม่ได้เคลื่อนที่แต่เราย้ายชั้นวางของไปวางตรงบริเวณนั้นแทน ส่วนชั้นวางหนังสือการ์ตูนจากที่พวกเราเคยวางชิดกำแพง ตอนนี้พวกเราเคลื่อนย้ายมาวางขวางกั้นตรงกลางห้องเพื่อแบ่ง Section ห้องให้ดูมีมิติ และเป็นสัดส่วนมากยิ่งขึ้น ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งสำหรับชั้นวางหนังสือที่วางตรงกลางห้องจากที่แต่ก่อนผมวางหนังสือได้เพียงด้านเดียว พอย้ายมาวางแนวขวางทำให้ทั้งสองฝั่งของชั้นหนังสือสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บรรจุหนังสือเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ที่เพิ่มเติมมาบริเวณนี้ก็คือ โซฟาขนาดเล็กสีเทาที่ผมย้ายมาจากอีกห้องหนึ่งเพื่อมาวางกั้นห้องให้เป็นมุมสำหรับนั่งทำงาน คิดงาน หรืออ่านหนังสือ พักผ่อนฟังเพลงจากซีดี ได้สะดวกเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

ส่วนเก้าอี้และที่วางเท้าอันเดิมผมย้ายออกไปเนื่องจากต้องการประหยัดพื้นที่ใช้สอยส่วนกลาง ลำโพงและที่วาง Turntable ผมก็ย้ายมาอยู่อีกฝั่งแทนที่วางทีวีเก่า การวางของแบบนี้ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนมี Section ย่อยเพิ่มขึ้น ฝั่งนึงเป็นที่นั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ ส่วนอีกฝั่งเป็นที่นั่งสำหรับฟังเพลงจากแผ่นเสียง 🎶

ชั้นวางทีวีพวกเราย้ายไปแทนตำแหน่งเดิมของชั้นวางหนังสือ เนื่องจากเตียงนอนเราอยู่ฝั่งนั้นอยู่แล้ว การวางทีวีไว้ตรงปลายเท้าก็น่าจะทำให้การดูทีวีสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น และฝั่งด้านที่นอนเราก็ทิ้งพนังขาวให้โล่งๆ สบายตา

เหมาะสำหรับพักผ่อนและเตรียมพร้อมสำหรับการนอนหลับ 📺

จากหนึ่งห้องขนาดประมาณ 4.5 ตารางเมตร เราแบ่งย่อยเป็นสามบริเวณ โดยทุกส่วนสามารถเดินถึงกันได้สะดวก แถมยังได้ความรู้สึกที่แปลกใหม่เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลาย

พวกเราใช้เวลาปูพรมไม่นานครับเพราะวิธีการติดตั้งนั้นง่ายมาก ติดก็แต่ตรงของใช้ที่เยอะทำให้ต้องขนย้ายฝั่งไปมา และการทำความสะอาดฝุ่นที่เกาะอยู่บนส่ิงของ ซึ่งตรงนี้ใช้เวลานานมาก เราเริ่มทำห้องประมาณบ่าย 3  กว่าจะเสร็จสมบูรณ์ สะอาดเรียบร้อยก็ปาไป ตี 4 หลังจากที่เราทำเสร็จแล้ว ก็ถึงการใช้งานจริงของผู้อยู่อาศัย 4 ขา 2 ตัว 🐶🐰

พวกเราพา Muji เข้ามาในห้อง ด้วยความแปลกใหม่ เราสังเกตุได้ทันทีว่าเขายังไม่ชินกับพื้นผิว และหน้าตาของห้องใหม่ เขาเดินสำรวจสักพัก พอเราเผลอเท่านั้นแหละครับ Muji ได้ทำการทดลองฉี่ลงบนพรม เหมือนกับจะรู้เลยนะครับว่า ก็ป๊าบอกเองไม่ใช่หรอว่าพรมอันนี้ไม่ดูดซับน้ำ เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย แถมลดกลิ่นอับชื้น น้องมูเลยอยากทดลองว่ามันดีเหมือนที่เขาพูดไว้ไหม

พอเราเห็นเท่านั้นแหละครับ เราก็ดุ Muji เป็นการใหญ่ที่ปัสสาวะไม่เป็นที่ และเอาแผ่นลองฉี่ของสุนัขมาซับฉี่ออกไป เหมือนที่เขาบอกไว้ครับว่าพรมนี้เป็นมิตรต่อสัตว์และเด็ก เช็ดทำความสะอาดได้ง่ายมากๆ น้ำส่วนใหญ่ที่หกหรือฉี่จะอยู่บนพื้นผิวพรม อาจมีซึมลงไปบ้างแต่ใช้เวลานาน การซับน้ำเลยสะดวกมาก แต่ปกติแล้วพวกเราฝึกให้น้องหมาและน้องกระต่ายปัสสาวะให้เป็นที่อยู่แล้วแต่เนื่องจากตอนที่เราพาน้องมูจิเข้ามาในห้องเราลืมวางแผ่นลองฉี่ไว้ เขาเลยหาที่ฉี่เดิมไม่เจอ 💦

หลังจากทดลองใช้มาประมาณ 1 อาทิตย์ น้องมูจิอึและฉี่ 💩ลงบนพรมไปหนึ่งรอบ ปกติเขาอึและฉี่เป็นที่อยู่แล้วแต่วันก่อนผมเอาแผ่นรองฉี่ไปทิ้งแล้วลืมปูชิ้นใหม่ไว้ให้เพราะรีบออกไปทำธุระข้างนอก พอกลับมาก็เห็นได้ว่าน้องมูทิ้งร่องรอยความรักไว้บนพรมให้ผมได้เก็บ ทั้งที่เป็นก้อนและเป็นของเหลวสีเหลือง ผมเลยดึงพรมออกไปซักทำความสะอาด ผมใช้น้ำกับผงซักฟอกทำความสะอาดลงบนคราบเหลืองแล้วตากไว้ให้แห้ง เช้ามาก็นำกลับไปแปะไว้ที่ตำแหน่งเดิมได้เลย ส่วนการทำความสะอาดบริเวณโดยรอบของห้องนั้นผมใช้อยู่สองอย่างคือ ที่กลิ้งกาวดักฝุ่น เวลามีเศษหญ้าของมิกุ หรือเศษผม เศษฝุ่น บนพรม ผมก็จะใช้ตัวนี้กลิ้งเก็บฝุ่นก่อนหนึ่งรอบ ส่วนบริเวณไหนที่เป็นคราบดำผมก็ใช้ไม้ถูพื้นบิดหมาดๆถูลงไปบนพรมได้เลย เพียงแค่นี้พรมก็จะดูใหม่ตลอดเวลา

✨

อย่าว่าแต่สุนัขเลยครับ พอหน้าตาห้องเปลี่ยนไป ตัวพวกเราเองก็มีความสุข อยากใช้ทั้งวันให้หมดไปในห้องนี้ มีมุมให้ถ่ายรูปน้อง Muji 🐶และ Miku 🐰 หลายมุมมากขึ้น จะลุกเดิน หรือนั่งตรงไหนก็นุ่มสบายเท้าสบายก้น จะเกลือกกลิ้งวิ่งเล่นกับน้องหมาก็แสนจะมีความสุข  สุดท้ายนี้ผมยังเชื่อเสมอว่าเราสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้จากทุกสิ่งรอบตัวเพียงแค่เราเปลี่ยนและเอาตัวเองออกจากสิ่งคุ้นเคยเดิมๆ แล้วเดินเข้าไปหาสิ่งใหม่ เราก็จะได้ประสบการณ์ใหม่ๆเช่นเดียวกัน หวังว่าบทความนี้อาจจะเป็นจุดเร่ิมต้นให้หลายๆคนลุกขึ้นมาตกแต่งห้องใหม่ ต้อนรับปีใหม่ 2017 🎉 กันนะครับ สร้างพื้นที่ของเราให้เหมาะกับสัตว์ และสิ่งของที่เรารัก เพื่อช่วงเวลาดีๆที่เราได้อยู่ด้วยกัน

Fanpage MUJI SAMA 🐶

CLICK TO CHAT

Fanpage Fabric Floor Easy Carpet 🐶

CLICK TO CHAT

Catalog พรม Click Here