Life, Photo, Travel, Video

บันทึกการเดินทาง ของน้องหมามูจิ กับกระต่ายคู่ใจ ไปทะเล

สวัดดีครับ หลังจากที่ตัวผมเองทำงานติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายเดือน ผมเริ่มรับน้องมูจิมาเลี้ยงตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็ยังไม่มีเวลาพาน้องไปเที่ยวที่ไหนแบบจริงจังเลยสักที จะมีบ้างก็เที่ยวในกรุงเทพทั่วไป ผ่านที่ไหนสวยน่าถ่ายรูปก็แวะถ่ายรูปตามข้างทางไปเรื่อยๆ หรือถ้าไม่ได้ไปไหนเลยก็จะถ่ายรูปน้องมูจิที่บ้านกับกิจกรรมต่างๆที่น้องทำ จริงๆเมื่อสองอาทิตย์ก่อนแพลนไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะพาน้องมูกับพี่เปาไปเที่ยวที่หัวหินจองที่พักทุกอย่างเรียบร้อยไว้หมดแล้วแต่ก็มีอันต้องเลื่อนกระทันหันเพราะคืนก่อนที่จะเดินทางน้องมูจิมีปัญหาเรื่องทางเดินอาหารมีอาการปวดท้อง ซึม และอาเจียน จนต้องนอนให้น้ำเกลืออยู่โรงพยายาล ทริปนั้นเลยเป็นต้องล้มเลิกไป แต่ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาผมพอมีเวลาว่างพอดีเลยถือโอกาสนี้จัดทริปแก้ตัวให้โอกาสน้องมูกับพี่เปาอีกครั้งเพราะกล้วว่าถ้าพลาดคราวนี้อีกปีนี้คงไม่ได้เห็นทะเลกันแน่ๆ ผมเลยจัดการแพลนว่าจะพาน้องๆไปเที่ยวหัวหินเป็นเวลาสามคืนสี่วันครับ

โดยเราจะไปกันตั้งแต่วันอังคารและกลับวันศุกร์ ผมโชคดีหน่อยที่ทำงาน Freelance สามารถเดินทางไปเที่ยวและทำงานไปด้วยได้ การไปเที่ยวในวันธรรมดาแบบนี้จึงเป็นข้อดีมากๆเพราะคนน้อยและมีพื้นที่เหลือเยอะให้รู้สึกว่านี่จะเป็นการพักผ่อนจริงๆสำหรับน้องมูจิและพี่ซาลาเปา เป็นทริปการเที่ยวสำหรับน้องหมาและน้องกระต่ายโดยเฉพาะ จะไม่เน้นในเรื่องของคนเที่ยวนะครับเพราะคงมีคนได้พูดถึงการเที่ยวหัวหินไว้เยอะอยู่แล้ว แต่โพสท์นี้ผมอยากให้มองในมุมมองของการพาสัตว์เลี้ยงไปเที่ยวมากกว่าเพราะพื้นที่สำหรับให้สัตว์เลี้ยงไปเที่ยวนั้นมีค่อนข้างน้อย และมีข้อจำกัดค่อนข้างเยอะเพราะต้องอย่าลืมว่าไม่ใช่ทุกคนที่รักสัตว์เหมือนเรา และในเรื่องของความสะอาดและมลพิษทางเสียงที่อาจเกิดขึ้นได้ในสัตว์เลี้ยงบางชนิดและบางตัว

พวกเราเริ่มต้นกันในช่วงเที่ยงของวันอังคารที่ 26 กรกฎาคม

ระหว่างทางท้องฟ้าแจ่มใสมากๆครับ ผมเป็นคนชอบมองท้องฟ้า และท้องฟ้าวันนี้ก็สวยมากๆ เหมาะอย่างยิ่งกับการไปเที่ยว สองข้างทางเป็นนาเกลือ มองออกไปแล้วสวยดีครับ

จริงๆแล้วผมตั้งใจจะออกมาตั้งแต่เช้า แต่เนื่องจากมีงานด่วนเข้ามาช่วงดึกในคืนวันจันทร์เลยทำให้ไม่สามารถจัดของได้ทัน ผมเลยใช้เวลาช่วงเช้าวันอังคารจัดเตรียมของทั้งหมดซึ่งพูดได้เลยว่าของเยอะมาก เข้าใจแล้วว่าการที่เราเป็นผู้ปกครองใครสักคนไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ ตอนเราเป็นเด็ก เราแค่นั่งรอแม่จัดกระเป๋าถึงเวลาพ่อเรียกขึ้นรถแล้วเราก็นั่งหลับตลอดการเดินทาง แต่พอเราเลื่อนสถานะมาเป็นป๊าของน้องหมาสักตัว ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เราต้องเตรียมนั้นมันเยอะมากๆ และยิ่งทริปนี้เราเน้นไปที่การถ่ายรูปทำคลิปวีดีโอต่างๆด้วยแล้วสิ่งของที่ต้องเตรียมเลยเยอะเป็นพิเศษ ผมใช้เวลาเตรียมของอยู่หลายชั่วโมงเช็คแล้วเช็คอีกว่าไม่ลืมของสำคัญของลูกทั้งสอง กว่าจะได้ออกจากบ้านก็ปาเข้าไปเที่ยงครึ่ง ผมแวะหยุดรถในซอยแถวบ้านเพื่อถ่ายรูปแรกเป็นการประเดิมทริปนี้ว่าในที่สุดทริปนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วนะ และนี่เป็นรูปแรกของเด็กๆครับ น้องมูจิหมาปอมตัวจิ๋ว กับพี่เปากระต่ายสายพันธุ์ Holland Lop สีขาว ยืนถ่ายรูปคู่กันในห่วงยางเป็ดหลังรถสีขาวที่ผมเอาของออกเกือบครึ่งคันไปกองไว้ด้านหน้ารถเพื่อให้มีเนื้อที่ในการถ่ายรูป

แล้วพวกเราก็ขับรถขึ้นทางด่วนงามวงศ์วานมุ่งตรงไปยังเส้นพระราม 2 ช่วงเที่ยงๆแบบนี้ไม่ต้องพูดถึงครับ ถึงแม้รถจะไม่ติดแต่ถนนก็ไม่ได้โล่งเสียทีเดียว เราไม่รีบครับค่อยๆขับไปถึงเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น พอลงทางด่วนพระราม 2  ถนนก็เริ่มโล่งขึ้นขับได้สบายขึ้น เราใช้เวลาขับมาสักหนึ่งชั่วโมง อากาศร้อนๆตอนบ่ายบวกกับอาการง่วนนอนเพราะนอนไม่พอเนื่องจากการปั่นงานเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปตีห้าและรีบตื่นขึ้นมาตอนเก้าโมงเช้า ผมเลยขอแวะปั๋มซื้อช็อคโกแลตปั่นแก้วโปรดที่ร้าน Cafe’ Amazon แวะเข้าห้องน้ำ ก่อนออกรถเลยคิดสนุกๆหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายรูปน้องมูจิ รูปบนเป็นรูปน้องมูจิขับรถให้ป๊านั่งเพราะเห็นว่าป๊าง่วง ส่วนรูปล่างเป็นรูปน้องมูจิก็ง่วงเหมือนกันเลยอยากได้กระทิงแดงเสริมกำลังสักขวดแล้วจะได้ไปกันต่อแบบยาวๆ มนุษย์ก็จินตนาการแทนน้องหมาไปซะทุกเรื่องสินะ 555+ แต่สิ่งนี้เองที่ทำให้ผมรู้สึกว่ามันทำให้เราใช้ชีวิตกับสัตว์เลี้ยงได้สนุกขึ้น ได้ถ่ายภาพน่ารักๆเก็บไว้ดูเล่นเหมือนเป็นไดอารี่ส่วนตัวของเขาหรือจะแชร์ให้เพื่อนๆได้ดูกันผ่านตามสื่อออนไลน์ก็ตาม ทำให้เราได้อีกสังคมหนึ่งที่แบ่งปันและแชร์เรื่องราวดีๆให้กัน

ระหว่างทางท้องฟ้าแจ่มใสมากๆครับ ผมเป็นคนชอบมองท้องฟ้า และท้องฟ้าวันนี้ก็สวยมากๆ เหมาะอย่างยิ่งกับการไปเที่ยว สองข้างทางเป็นนาเกลือ มองออกไปแล้วสวยดีครับ

ผ่านมาหลายนาเกลือมากอยากจะลงไปถ่ายรูปแต่หยุดรถไม่ทัน จนกระทั่งถึงตำแหน่งนี้เห็นในรูปพื้นนาสีสวยเหมาะกับเสื้อของน้องมูจิที่ใส่มาในวันนี้ผมเลยรีบชะลอและหยุดรถ ถนนตรงนี้ค่อนข้างดีเพราะไม่ค่อยมีรถขับผ่านสวนไปมาให้หวาดเสียว ผมเลยพาน้องมูจิลงไปเป็นนายแบบคู่กับนาเกลือสักหน่อย

ระหว่างทางที่เดินกลับมาที่รถมีทุ่งหญ้าข้างทางเล็กๆน่ารักเลยปล่อยน้องมูเดินเล่นสักพักเลยได้ภาพนี้มาครับเป็นภาพน้องมูเหลียวหลัง นานๆจะมีภาพหันหลังของน้องมูเพราะโดยมากแล้วน้องมูจะหันหน้าสู้กล้องตลอด ตั้งแต่ถ่ายรูปภาพน้องมูมาตลอดเวลาสี่ห้าเดือนภาพนี้เป็นอีกหนึ่งภาพที่ผมชอบมากที่สุด จังหวะได้แสงกำลังดีและวิวเข้ากับอารมณ์

พอมีน้องหมาเรื่องการหาที่พักก็เป็นอีกเรื่องยากที่คนเป็นป๊าต้องทำการบ้านหนักหาที่พักที่ทั้งป๊าและลูกป๊าสามารถพักด้วยกันได้ เวลาผมไปเที่ยวต่างจังหวัดสิ่งที่ผมให้ความสำคัญมากที่สุดคือเรื่องที่พัก เวลามาพักผ่อนบางครั้งเราก็ไม่ได้อยากจะไปโน่นนี่หลายที่นัก เราก็แค่อยากเปลี่ยนสถานที่เพื่อมาทำตัวขี้เกียจซึ่งการทำตัวขี้เกียจผมถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด เวลาเลือกที่พักเลยอยากมาพักสถานที่ที่สวยงาม มีพื้นที่ให้สายตาได้พัก มีพื้นที่ให้ได้เดินเล่นไปมาไม่ใช่แค่คลุกตัวนั่งง่วงอยู่แต่ในห้อง มีวิวสวยๆให้ได้ถ่ายรูป ผมเสริชไปจนเจอเพจที่ใช้ชื่อว่า Her glory by the sea เป็นเพจห้องพักที่เปิดให้คนทั่วไปได้เช่าเพื่อมาพักผ่อน ทั้งภาพและข้อมูลต่างๆที่ทางเพจได้ลงเลยทำให้รู้ว่าที่บ้านแสนครามนั้นสามารถให้น้องหมาเข้าพักได้โดยที่น้องหมาห้ามมีความสูงเกิน 15 นิ้ว โดยพื้นที่ของโครงการนั้นสามารถให้น้องหมาเดินเล่นได้จะมีก็เพียงแค่บางส่วนที่แนะนำให้ใช้วิธีอุ้มน้องหมาเดินเพื่อให้ไม่รบกวนแขกท่านอื่นที่มาพักอาศัย อย่างเช่นบริเวณสระว่ายน้ำ พามาถึงเลยให้น้องมูจิกับพี่เปาประเดิมถ่ายรูปกันด้านหน้าก่อนเข้าไปดูที่พักเป็นการมาถึงแบบสมบูรณ์

เข้ามาในห้องห้องตกแต่งสวยงามมากๆ ครับ เป็นสีเอิร์ธโทนทั้งห้องเลยเหมาะกับภาพถ่ายสไตล์ของน้องมูจิมากๆ ในห้องแบ่งเป็นห้องรับแขกและห้องครัวขนาดกว้างขวางหนึ่งห้อง ห้องนอนสองห้องและห้องน้ำสองห้อง ถือว่าเป็นห้องพักที่ค่อนข้างใหญ่สำหรับพวกเราเลยครับ พอมูจิถึงห้องก็ถึงเวลาวิ่งสำรวจรอบห้องเพราะคงได้กลิ่นของน้องหมาที่เคยมาอยู่ก่อนแน่ๆ เดินวนไปดมไปรอบๆห้อง พอเริ่มคุ้นเคยก็เปลี่ยนจากดมมาเป็นวิ่งรอบห้องอย่างสนุกสนาน จริงๆแล้วห้องที่ผมพักนั้นเจ้าของเองก็ไม่ได้มีกฎการใช้ห้องอะไรที่เคร่งครัดแค่ขอความร่วมมือในเรื่องของการขับถ่ายของสัตว์เลี้ยงที่เรานำมาด้วย เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้เคยมีคนมาอาศัยแล้วนำน้องหมาขึ้นมานั่งเล่นบนโซฟาแล้วมีการขับถ่ายเกิดขึ้น ทางเจ้าของห้องก็น่ารักมากๆครับได้มีการเตรียมแพมเพิร์สสำหรับสัตว์เลี้ยงและผ้ารองเล็กๆสำหรับไว้ปูเมื่อนำน้องหมาขึ้นมานั่งบนโซฟาหรือบนเตียง พี่เขาบอกว่าจะห้ามเลยก็คงไม่ได้เพราะทุกคนเลี้ยงน้องแบบลูกเขามีน้องหมาเหมือนกันก็เข้าใจตรงจุดนั้นการเอาน้องหมามานั่งเล่นบนโต๊ะบนเตียงเป็นเรื่องปกติของคนเลี้ยงหมาอยู่แล้ว เพียงแต่ขอความร่วมมือเป็นพิเศษเนื่องจากเฟอร์นิเจอร์บางชิ้นอย่างเช่นโซฟาผ้าตรงกลางห้องทำมาจากผ้าถ้าเปื้อนปัสสาวะน้องก็จะทำความสะอาดได้ยาก ตรงจุดนั้นเราทำได้แน่นอนเพราะปกติน้องมูจิถูกฝึกให้ขับถ่ายบนผ้ารองอยู่แล้ว เมื่อเก็บของเสร็จเราเลยต้องขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกก่อนเลยหนึ่งรูป สีห้องละมุนสบายตามากๆครับ

หลังจากนั้นผมก็พาเด็กๆออกไปเดินสำรวจรอบๆที่พัก ในช่วงแรกผมจะใส่เชือกจูงให้น้องมูจิก่อนครับเพราะยังไม่ชินกับการเห็นเขาวิ่งในพื้นที่เปิดเป็นห่วงเรื่องของการที่เขาอาจจะวิ่งหนีออกไปแล้ววิ่งตามจับไม่ทัน เขาก็มีอาการตื่นเต้นอยากรู้อยากเห็นมากๆครับ พยายามวิ่งนำไปตลอดเหมือนดีใจที่ได้เห็นพื้นที่กว้างๆ แต่โชคดีมากครับที่พวกเรามาในวันธรรมดาที่แถบจะไม่มีคนและมีน้องหมาตัวอื่นๆเลย หลังๆผมเลยลองถอดเชือกจูงแล้วให้เขาเดินวิ่งแบบอิสระก็จะมีบ้างที่หยุดเป็นระยะ ก็ต้องคอยเรียกให้กลับมาบ้าง แต่ก็ปล่อยตามอิสระครับ แค่คอยมองเขาอยู่ตลอดเพราะอันตรายอาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อถ้าเราประมาท เดินสำรวจสักพักท้องฟ้าก็ค่อยๆมืดเนื่องจากว่าวันนี้มีฝนตกก่อนหน้าอากาศเลยไม่ค่อยแจ่มใส ตอนเย็นๆเราเลยขับรถออกไปหาอะไรทานกันที่ตลาดหัวหิน และกลับเข้าที่พัก ผมก็ปล่อยให้มูจิและพี่เปาเล่นกันในห้องแบบอิสระ ส่วนผมนั้นขอพักผ่อนโดยการนอนแช่น้ำร้อนคลายเมื่อยสักหน่อยครับ จากปกติที่ทำงานดึกเข้านอนตอนตีสามตีสี่ทุกวัน วันนี้แค่เที่ยงคืนก็ง่วงแล้วครับ เราเลยปิดไฟนอนกันเร็วหน่อยเพื่อตอนเช้าจะได้ออกมารับแสงแดดอ่อนๆได้ทัน

เช้าวันที่สองผมตื่นมาตั้งแต่หกโมงเช้า

จริงๆแล้วรู้สึกว่ายังนอนไม่พอตั้งใจว่าจะนอนให้ครบแปดชั่วโมง แต่นี่ผ่านไปเพียงหกชั่วโมงเท่านั้น ไอ้ตัวเล็กพอเห็นเราตื่นก็มาเดินป้วนเปี้ยนเหมือนให้รู้ว่า Breakfast ของผมพร้อมหรือยังครับป๊า มูหิวจะแย่อยู่แล้ว ผมเลยตัดสินใจลุกออกจากเตียงมาเตรียม Breakfast ให้ลูกชายสุดที่รัก ทานข้าวเช้าเสร็จเราเลยมานอนถ่ายรูปเล่นกันมีผมมีน้องมูจิและมีพี่ซาลาเปานอนกองกันอยู่บนเตียงสีขาวนุ่มๆ นี่มันสวรรค์ของการพักผ่อนชัดๆ การพักผ่อนที่ไม่ต้องรีบทำอะไรนอนเกลือกกลิ้งไปมา หิวก็หาอะไรทาน เมื่อยก็หย่อนตัวลงบนโซฟานิ่มๆ เปิดเพลงเพราะๆฟัง  เบื่อๆก็ออกไปเดินเล่น

ประมาณสิบโมงก่อนที่แดดจะเริ่มแรง ผมพาน้องมูจิและพี่เปาเดินไปที่ทะเล อยากเห็นปฎิกิริยาของเด็กๆเมื่อเจอทะเลเขาจะรู้สึกยังไง พอเดินไปถึงสิ่งที่น่าเสียดายสำหรับชายหาดหัวหินทุกวันนี้คือชายหาดที่สั้นลงกว่าเมื่อก่อนเยอะมาก สมัยตอนเป็นเด็กที่ผมมาหัวหินกับครอบครัว ผมจำได้ว่าผมเดินออกไปไกลมากกว่าจะเจอน้ำทะเล แต่ทุกวันนี้ลงจากบันไดที่พักไปสองก้าว ก็ถึงน้ำทะเลแล้ว ชายหาดที่แคบทำให้เรามีพื้นที่น้อยในการเดินเล่นและปล่อยอารมณ์ไปกับเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง

ผมใส่สายจูงให้ทั้งน้องมูจิและพี่เปาแล้วให้เขาเดินเล่นบนหาดทรายดู ทั้งน้องมูและพี่เปาดูตื่นเต้นกับสัมผัสที่แปลกใหม่ของพื้นทราย น้องมูวิ่งไปทางพี่เปาวิ่งไปทาง ก็ต้องคอยดึงสายจูงให้อยู่ในการควบคุม น้องมูจะเป็นแนวแอดเวนเจอร์อยากสำรวจพื้นที่ ส่วนพี่เปาจะเป็นแนวรักสันโดษขุดทรายนอนอาบแดด พอเขาเริ่มชินกับพื้นที่ผมเลยถอดสายจูงและนั่งดูเขาเล่นแบบห่างๆแทน พี่เปาขุดทรายหาที่เหมาะเจาะให้ตัวเองอาบแดดฟังเสียงคลื่น ส่วนน้องมูวิ่งไล่จับกับผม มีเผลอเดินไปใกล้น้ำทะเล แล้วอยู่ๆคลื่นก็ซัดเข้ามาโดนขาและพุง ด้วยความตกใจน้องมูถึงกับยืนนิ่งขาเปียกขนลีบเหมือนขาไก่แล้วหันมามองหน้าผมเหมือนกับจะบอกว่าป๊าครับมาช่วยอุ้มผมที แล้วหลังจากนั้นเราก็วิ่งเล่นกันต่อ เราอยู่ตรงบริเวณชายหาดประมาณหนึ่งชั่วโมง นั่งเล่น ถ่ายรูป ถ่ายวีดีโอ พอแดดเริ่มมา

พักผ่อนตามอัธยาศัย

ผมก็พาเด็กๆเดินกลับที่พักเพราะกลัวว่าเขาจะเหนื่อยและร้อนเกินไป พอกลับเข้าที่พักก็เลยทำการอาบน้ำให้น้องมูจิสักหน่อยเพราะเมื่อกี้เปื้อนทั้งทรายและน้ำทะเล โดยปกติแล้วน้องมูจะไม่ค่อยชอบโดนน้ำสักเท่าไหร่ครับ แต่วันนี้จับน้องมูอาบน้ำในอ่างเป็ดที่ผมเตรียมมาจากบ้าน อาการกลัวน้ำก็เริ่มลดลงไม่ค่อยดิ้นเหมือนแต่ก่อน หลังจากนั้นก็ให้เด็กๆพักผ่อนตามอัธยาศัย คงวิ่งเล่นเหนื่อยครับกลับเข้าที่พักก็งีบกันเลย ผมก็งีบด้วยเช่นเดียวกันครับ 555+

พวกเราตื่นกันมาอีกทีก็ตอนบ่ายๆแล้วครับในห้องเย็นสบายน้องมูจิกับพี่ซาลาเปาก็วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานผมเห็นว่าแสงสาดเข้ามาในห้องสวยดีเลยจับน้องมูกับพี่เปามาถ่ายรูปเล่นกันตรงผ้าม่าน เป็นอีกมุมภาพน่ารักๆของสองพี่น้องที่พี่เปาก็ใจดียืนนิ่งให้น้องมูขี่คอเหยียบหัว ตกเย็นผมก็พาเด็กๆออกไปวิ่งเล่นที่สนามหญ้าใกล้ๆชายหาดอีกรอบ คราวนี้น้องมูวิ่งไม่หยุด ส่วนพี่เปาก็ยังคงรักษาความสันโดษโดยเลือกวิ่งตามแนวกำแพง อาจเป็นเพราะสัญชาติญาณของผู้ที่ถูกไล่ล่าเลยทำให้ต้องระวังตัวเองอยู่เสมอ เขาก็เดินไปเดินมาหาหญ้าที่ชอบแล้วล้มตัวนอนลงรับอากาศที่เย็นสบายจากสายลม ซึ่งวันนี้ลมแรงปะทะหน้ามากๆครับ ตอนจับน้องมูกับพี่เปามาถ่ายรูปใกล้สระว่ายน้ำลมตีหน้าพี่เปาซะหูลู่ไปด้านหลัง ส่วนน้องมูลมตีหน้าซะขนตรงหน้าลู่ไปให้เห็นหน้าทรงวีเชฟ ลมแรงจริงๆครับแต่เด็กๆก็ทำหน้าที่เป็นนายแบบได้ดีมากๆ ยืนนิ่งให้ถ่ายแต่โดยดี

เช้าวันที่สามเรา

ตื่นกันสายนิดนึงคงเพราะเพลียมาจากการตื่นเช้าติดๆกันหลายวันวันนี้เราเลยใช้เวลาช่วงเช้าถ่ายรูปเล่นกันในห้องพัก ซึ่งถือว่าเป็นห้องพักที่เหมาะสำหรับคนที่ถ่ายรูปมากๆครับ มีหลายมุมให้เลือกถ่าย ผมเลยจับน้องมูจิเป็นนายแบบถ่ายทั่วห้องเก็บไว้เป็นที่ระลึก

ช่วงบ่ายๆตอนแรกว่าจะพาเด็กๆออกไปวิ่งเล่นแต่ฝนก็เทลงเหมือนกับทุกๆวัน ฝนที่หัวหินไม่ตกตอนกลางคืนแต่มาตกช่วงบ่ายๆครับ พวกเราเลยกร่อยหลบฝนกันอยู่ในห้องแต่โชคดีว่าวันนี้ฝนตกแค่แปรปเดียว พอฝนหายท้องฟ้าก็กลับมาแจ่มใสเหมือนดังเดิมผมเลยรีบพาเด็กๆออกไปถ่ายรูปกัน วันนี้ถ่ายรูปไว้เยอะเลยเพราะอยากอัปลงเฟซบุคทำเป็นสตอรี่ให้เพื่อนๆพี่ๆที่ติดตามทริปนี้ของน้องมูกับพี่เปาได้ดูกัน ทั้งน้องมูและพี่เปาก็ให้ความร่วมมือกันเป็นอย่างดี หลายคนถามมาว่าเวลาถ่ายรูปสัตว์เขาจะนิ่งให้เราถ่ายไหม จริงๆแล้วถ้าเราจับเขาถ่ายรูปตั้งแต่เด็กๆเขาก็ชินกับการนั่งให้เราถ่ายรูปแต่โดยดีนะครับ อย่างมูจิผมถ่ายรูปเขามาตั้งแต่รับเขามาเลี้ยง ถ้าเป็นสถานที่ที่เขาคุ้นเคยเขาจะนิ่งให้ถ่ายโดยที่ไม่ต้องหลอกล่ออะไรมากนัก แต่ถ้าพาออกนอกสถานที่แปลกๆหน่อยเขาก็จะมีสติหลุดมองโน่นมองนี่บ้าง แต่พอผมจับเขามาวางไว้ตรงที่จะถ่ายสองสามครั้งเขาก็จะเริ่มรู้แล้วว่าเรากำลังจะถ่ายรูปเขานะเขาก็จะนั่งนิ่งให้เราถ่ายได้เลยโดยที่ไม่ต้องบังคับ

เวลาถ่ายภาพก็จะมีทั้งเหยียบพี่เปาบ้าง เลียหน้า ขบที่ใบหู กอดรัดฟัดเหวี่ยง เอาที่สบายใจเลยครับน้องมู เพื่อน้องพี่เปายอมได้ทุกอย่าง อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นครับทริปนี้เพื่อสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ สัตว์ไม่ได้อยากไปกินอาหารอร่อย สัตว์ไม่ได้อยากไปสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังที่ใครมาหัวหินก็ต้องไปเยือน แค่เขามีอาหารที่เขากินอยู่ประจำ มีที่นอนที่เย็นสบาย มีพื้นที่โล่งให้เขาได้วิ่งเล่น แค่นี้ก็เป็นความสุขที่สุดของเขาแล้ว ผมเชื่อเช่นนั้นนะครับ วันนี้เลยเป็นอีกหนึ่งวันที่เราอยู่ในบริเวณที่พักของ บ้านแสนคราม การได้ใช้เวลากับสัตว์เลี้ยงที่เรารักถือเป็นการพักผ่อนอีกอย่างที่ผมรู้สึกว่ามันทำให้จิตใจเราเบาขึ้นสบายขึ้น เรามองทุกอย่างช้าลง เราวางเรื่องงาน เราปล่อยวางเรื่องเครียด เราวางเรื่องวุ่นวายของคนรอบตัว เราแค่นั่งมองสิ่งที่เขาทำ ได้ดูแลเขาได้วิ่งเล่นกับเขาแค่นี้ก็ทำให้เราสบายใจแล้วครับ คืนนี้เราเข้านอนไปพร้อมๆกัน

วันสุดท้ายของทริปหัวหิน

ผมตื่นเช้ามาจัดข้าวจัดของเตรียมแพคกระเป๋ากับกรุงเทพ วันนี้ผมแพลนไว้ว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ Seen Space หัวหิน ที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน เห็นจากในรูปเป็นสถานที่ที่สวยดีครับ ผมทำงานเกี่ยวกับงานออกแบบงานดีไซน์การได้มาเดินดูอาคารที่สร้างใหม่ก็เป็นอีกความสุขชนิดนึง วันนี้ช่วงบ่ายเราเลยแวะมาทานข้าวกันที่ร้าน Hobs ที่ Seen Space อาคารปลูกสร้างด้วยปูนเปลือย มีความเหลี่ยมความคนของเส้นแนวกราฟิกในทุกๆรายละเอียด และที่สำคัญมีพื้นที่โล่งให้เราไม่รู้สึกอึดอัดและที่สำคัญสถานที่นี้เปิดต้อนรับสำหรับสัตว์เลี้ยงให้สามารถมาเดินเล่นได้ด้วยครับ ร้านอาหารก็มีพื้นที่ภายนอกให้เรานั่งทานอาหารโดยที่สามารถมีน้องหมามานั่งกับเราได้ จึงทำให้สถานที่นี้เหมาะสำหรับคนที่พาน้องหมามาเที่ยวและต้องการหาอาหารอร่อยๆรับประทาน อากาศดี ลมเย็น หลังจากทานอาหารเสร็จก็พาน้องมูจิเดินเล่นรอบๆ Seen Space และแวะถ่ายรูปไว้หน่อยก่อนจะเดินทางกลับกรุงเทพกัน

เราออกจาก Seen Space ช่วงสี่โมงเย็น เป็นการจบทริปแรกของพวกเราที่รู้สึกไวมากๆ เหมือนเราเพิ่งมาถึงเมื่อวานวันนี้ต้องเดินทางกลับกันแล้ว แต่ทุกช่วงเวลาความทรงจำในทริปนี้จะคงอยู่กับพวกเราเสมอและตลอดไป ผมดีใจที่ตัดสินใจพักงานแล้วพาเด็กๆออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ รับลมทะเล รับแสงพระอาทิตย์ยามเย็น ดีใจที่ได้ใช้เวลาร่วมกันอย่างเต็มที่ และผมบอกกับตัวเองว่าจะพยายามพาพวกเขาไปเที่ยวทุกๆเดือนให้ได้ อยากให้เขาได้พักผ่อน อยากให้เขาได้ไปในสถานที่ใหม่ๆ อยากให้เขาได้มีพื้นที่วิ่งเล่น และท้ายสุดคืออยากให้เราได้ใช้เวลาร่วมกันให้มากที่สุดเพื่อเก็บทุกๆความทรงจำไว้ด้วยกัน หวังว่าทุกๆคนจะสนุกไปกับพวกเราในทริปนี้กันนะครับ ถ้าทริปหน้าเรามีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ไหนอีก พวกเราสัญญาครับว่าจะถ่ายรูปสวยๆและมาเล่าความประทับใจให้ทุกๆคนได้อ่านได้ชมกันอีกแน่นอน ขอบคุณสำหรับการติดตามนะครับ

**ภาพทั้งหมดนี้ผมใช้กล้อง FUJI XA2 เลนส์ Kit และ 23mm ครับ

ที่พักน้องหมาสามารถเข้าได้นะครับ แต่จำกัดความสูง 15 นิ้วครับ
ที่บ้านแสนคราม  https://web.facebook.com/Herglorybythesea

Seen Space สามารถพาเด็กๆมาวิ่งเล่นได้ด้วยนะครับ https://web.facebook.com/seenspacehuahin

สามารถดูภาพน่ารักๆทั้งหมด ของน้องมูจิได้จาก แฟนเพจ http://www.facebook.com/mujisama
และ IG  http://www.instagram.com/mujisama นะครับ

Comments

comments