Life, Photo, Review, Travel

(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??

(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??
(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??
(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??
(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??
(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??
(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??
(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??
(ห)มาเที่ยวเชียงใหม่ครั้งแรก ??

กี่เดือนแล้วนะที่เราไม่ได้พาเด็กๆไปเที่ยวกัน ??

เข้าหน้าฝน ที่อยากไปทะเลปีนี้พวกเราก็ยังไม่ได้ไปกันเลย เพราะหาที่พักดีๆวิวสวยๆและน้องหมาน้องแมวพักได้ช่างหายากหาเย็นจริงๆ ตอนมีแค่น้องมูจิเรายังพอพาไปทะเลได้ง่าย แต่พอมีมูมารุด้วย แมว Exotic Shorthair หน้าสั้นดั้งก็บ่มี เวลาอากาศร้อนก็จะหายใจลำบาก พวกเราเลยยังหาที่เหมาะๆสำหรับการไปเที่ยวทะเลไม่ได้สักที

เราเลยเปลี่ยนแผน ฝนตกอาจจะไม่เหมาะกับทะเล ? แต่ถ้าขึ้นเหนืออากาศก็น่าจะดีอยู่นะ ไม่ร้อนจนเกินไป? พวกเราเลยจัดการเช่ารถตู้มุ่งหน้าสู่เชียงใหม่ เมื่อต้นปีเราไปไกลสุดถึงเชียงราย คราวนี้ใกล้มาหน่อยที่เมืองเชียงใหม่ เป็นครั้งแรกของน้องมูจิกับมูมารุที่มาจังหวัดนี้ ส่วนพวกเรานั้นไม่ได้มาเชียงใหม่หลายปีแล้ว ครั้งล่าสุดที่มาตอนนั้นยังไม่ได้เลี้ยงน้องหมาน้องแมวเลย นั่งเครื่องบินมาแบบสบายๆแปรปเดียวถึง แต่พอมีน้องหมาน้องแมวเข้ามาในครอบครัว การให้เขาขึ้นเครื่องบินโดยแยกนั่งกับเรา เราก็ยังเป็นห่วงและยังไม่กล้าใช้บริการเครื่องบิน ✈️ ในการเดินทางพาเด็กๆไปเที่ยวไกลๆ แต่กับรถตู้นั้นสบายมากครับ ? นั่งนอนยาวได้ทั้งคนและสัตว์เลี้ยง อาจใช้เวลาเดินทางมากหน่อยแต่ก็เป็น Road trip ที่สนุกดี หิวที่ไหน ก็แวะที่นั่น ค่อยๆไป เราออกเดินทางตอน 6 โมงเช้าของวันที่ 16 กรกฎาคม  2561 กว่าจะถึงก็ 6 โมงเย็นพอดิบพอดี เพราะแวะหลายที่ มาเชียงใหม่ครั้งนี้เราเลือกพักกันที่ โรงแรม Ketawa (เกตวา) ซึ่งเป็นโรงแรมที่สัตว์เลี้ยงสามารถเข้าพักได้ 

อย่างแรกเลยเมื่อถึงห้อง เราปล่อยเด็กๆไปสำรวจห้อง มีเต๊นท์ที่นอนสำหรับน้องหมาน้องแมวและมีข้อความน่ารักพิมพ์อยู่ในกระดาษว่า

ที่นอนสำหรับน้องมูจิและมูมารุเท่านั้น

โอโฮ้ Exclusive มากๆ แปลว่าพวกเราจะไปแย่งที่น้องหมานอนไม่ได้นะ 555 คืนนี้วาจะนอนในเต๊นท์สักหน่อย อดเลย มีชามอาหารดีไซน์สวยไว้ให้พวกเราใช้ด้วย จริงๆแล้วเวลาเราพาเด็กๆไปเที่ยวที่ไหนก็ตามเราจะเตรียมของใช้ทุกอย่างให้พร้อม

แต่ถ้าทางที่พักมีบริการให้และรูปทรงสวยงามแบบนี้ เราก็ต้องใช้สิจ๊ะรออะไร พวกเราจัดการให้อาหารเย็นด้วย อาหารดีมีประโยชน์ ตอบแทนความรักความห่วยใย ตอบแทนด้วย Petsimo (ขายของไปอีก 555) เทอาหารเปียกลงในชามแล้วเด็กๆก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อย

❤️??❤️

เราปูผ้ารองฉี่ให้น้องมูจิ พร้อมใส่โอบิด้วยตลอดเวลาที่อยู่ที่โรงแรม เพราะเรากลัวว่ามูจิถ้าผิดที่ผิดทางเขาจะยกขาฉี่ไปเรื่อย อาจทำความเสียหายให้กับทางโรงแรมได้ การใส่โอบิเลยง่ายสำหรับพวกเรามาก เพราะมั่นใจได้เลยว่าไม่เปื้อนอย่างแน่นอน แต่สำหรับน้องมูมารุ เราเตรียมกระบะทรายแบบถุงมา เตรียมทรายมาต่างหาก แต่เราลองถามทางโรงแรมดูว่ามีกระบะทรายสำหรับน้องแมวให้ด้วยไหม ถ้ามีเราจะได้ไม่ต้องใช้ของเรา พนักงานรีบไปหยิบกระบะทรายมาให้

เราชอบของใช้หลายอย่างที่นี่นะเพราะ หน้าตาดี ดีไซน์ใช่สำหรับพวกเรามากๆ กินอิ่มมูมารุก็จัดการทำธุระส่วนตัวเป็นอย่างแรก โดยมีพี่มูคอยให้กำลังใจดมก้นน้องอยู่ใกล้ๆ เราถ่ายรูปเล่น ถ่ายคลิปวีดีโอไว้ด้วย เพราะเราเชื่อว่าเมื่อมาถึงเราควรจะถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกในขณะที่ห้องพักยังสะอาดสวยงามไม่รกไปด้วยของต่างๆที่เราแบกหามกันมา มุมที่เราชอบคือชิงช้าสีขาวในห้อง เหมาะกับการนั่งเล่นโยกไปเยกมากับน้องมูมากๆ เราเข้าไปเชคของใช้ต่างๆทุกมุมในห้อง มีเสื้อคลุมหลังอาบน้ำ ผ้าขนหนูที่นุ่มมาก อันนี้ชอบมากเป็นพิเศษ ห้องน้ำก็ตกแต่งแบบเรียบง่ายวางของใช้ต่างๆอย่างเป็นระเบียบ ที่สังเกตเห็นส่วนใหญ่ทุกคำแนะนำหรือคำเตือนในการใช้บริการของที่นี่จะเป็นภาษาอังกฤษ เดาได้ว่าต้องมีต่างชาติมาพักที่นี่เยอะมากแน่ๆ หลังจากเชคทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ก็ถึงตาที่พวกเราจะออกไปหาอะไรกินกันบ้างแล้ว เพราะหิวมาก ทางโรงแรมมีที่แนะนำ สำหรับร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยวต่างๆที่สามารถพาน้องหมาน้องแมวเข้าได้ให้ด้วยนะ สำหรับใครที่มาเที่ยวเชียงใหม่และไม่มีข้อมูลในจุดนี้ก็สามารถขอคำแนะนำได้จากทางโรงแรมได้เลย

ที่นี่เตียงนอนนุ่มหมอนนิ่มนอนสบายจนเราไม่อยากจะตื่น แต่ต้องตื่นไปทานอาหารเช้ากันได้แล้ว ในโซนของคาเฟ่ อาหารเช้านั้นเราสามารถเลือกได้หลากหลายเมนูตามที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ เราเลือกเป็น English Breakfast กับเครื่องดื่มชาร้อน และมีครัวซอง ขนมปัง เนย แยม น้ำผลไม้มาให้ต่างหากด้วย โซนนี้เป็นโซนที่เปิดบริการให้สำหรับคนนอกที่ไม่ได้มาพักที่โรงแรมก็สามารถเข้ามาใช้บริการได้ด้วย หรือถ้าใครที่ไม่ได้มาพักที่โรงแรม Ketawa แต่อาจพาน้องหมามาว่ายน้ำ หรืออยากจะแค่มานั่งกินขนมกินกาแฟเล่นกับน้องหมาของทางโรงแรมก็ย่อมทำได้เหมือนกัน น้องหมาของโรงแรมมีด้วยกันอยู่ทั้งหมด 8 ตัว ส่วนใหญ่จะแยกอยู่ในห้องข้างๆคาเฟ่ ถ้าใครอยากเข้าไปเล่นกับน้องๆก็แค่บอกพนักงานและทำตามกฎระเบียบแค่นั้นเองง่ายๆ

????????

น้องหมา 7 ตัวในนี้จะมีชื่อเกี่ยวกับชนิดของผ้าเช่น ลินิน คอตต้อน ไหมไทย และอื่นๆ แต่จะมีอยู่ตัวนึงชื่อ แจ๊กกี้ ตอนแรกผมก็แอบสงสัยว่าผ้าแจ๊กกี้หน้าตาเป็นยังไง ในฐานะที่ผมเป็นดีไซน์เนอร์ทำเสื้อผ้ามายังไม่เคยได้ยินผ้าแจ๊กกี้ เคยได้ยินแต่ผ้า แจ๊กการ์ด ถามไปถามมาเลยได้คำตอบว่าแจ๊กกี้เป็นหมาที่ทางโรงแรมรับมาเลี้ยง เพราะน้องโดนเจ้าของทิ้ง ทางโรงแรมทราบมาว่าน้องชื่อแจ๊กกี้เลยเรียกแจ๊กกี้ตั้งแต่นั้นมา แต่แจ๊กกี้ก็น่ารักถึงแม้ตัวจะใหญ่สุดแต่เป็นมิตรมากๆกับทุกคนรวมถึงทุกตัวที่อยู่ก่อนหน้าแจ๊กกี้ด้วย หนูมีบุญมากลูกที่ได้มาอยู่ที่นี่และมีคนรักคนเอ็นดูหนู ถึงเจ้าของเก่าจะทิ้ง แต่ที่ใหม่ที่ให้ความอบอุ่นและความรักกับหนูได้หนูโชคดีมากๆ พอได้รู้เรื่องราวสตอรี่อะไรแบบนี้เราก็จะยิ้มทุกที บางครั้งมันคือพรหมลิขิตจริงๆนะ เราเชื่อแบบนั้น

นอกจากโซนคาเฟ่จะมีที่สำหรับรับประทานอาหาร และเล่นกับน้องหมาแล้ว ก็มีอีกโซนเป็นโซนขายของสำหรับสัตว์เลี้ยงไม่ว่าจะเป็นของใช้ต่างๆ ขนม อาหาร ของเล่น ไว้บริการอีกด้วย ที่พิเศษสุดอันนี้พวกเราชอบมากและเซอร์ไพรส์มากเช่นกันคือ ป้ายชื่อห้อยคอน้องหมาน้องแมว ที่ทาง Ketawa มีรับทำด้วยนะ มีให้เลือกหลายลายหลายแบบ และทาง Ketawa พอรู้ว่าพวกเราจะมาพักที่นี่ก็เซอร์ไพรส์ด้วยการทำป้ายชื่อให้น้องมูจิและมูมารุโดยเราขอให้พิมพ์เป็นลายกราฟฟิคคาแรคเตอร์ที่พวกเราออกแบบ ของจริงน่ารักมากๆ ใครสนใจสั่งผลิตได้นะเพราะเขามีบริการส่งทั่วประเทศ เมื่อก่อนต้องบอกเลยว่าเราไม่ได้เห็นความสำคัญของป้ายชื่อบนปลอกคอสุนัข แต่จากหลายครั้งที่เราจะเห็นข่าวว่าน้องหมาน้องแมวหาย การที่มีชื่อติดอยู่ที่คอน่าจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดที่เราอาจได้รับการติดต่อจากคนที่พบเห็นน้อง อาจทำให้การตามหาสัตว์เลี้ยงที่หายไปง่ายขึ้น

วันนี้ทั้งวันเราทำตัวขี้เกียจ ตลอดช่วงบ่ายเราให้มูจิวิ่งเล่นรอบบริเวณโรงแรม ที่นี่มีสระว่ายน้ำด้วยนะ แต่วันนี้มูจิจะยังไม่ลงเพราะเราขี้เกียจอาบน้ำให้น้องมู 555 ไว้เล่นวันอื่นนะลูก ส่วนมูมารุหน่ะหรอ นอนอืด เย็นสบายพุงในห้องนอน จริงๆแล้วเราค่อนข้างเป็นห่วงมูจิเวลาให้เขาวิ่งเล่น ปกติเราจะใส่สายจูงให้ตลอดถ้าพาออกไปไหน เพราะน้องมูเป็นหมาที่สอนให้ทำได้หลายอย่าง ยกเว้นอย่างเดียวคือ เรียกให้มา น้องมูจะไม่มา ให้มันได้แบบนี้สิ และด้วยความที่เขาจะอยู่แต่ในบ้าน พาไปเดินเล่นบ้าง แต่ไม่ค่อยได้เจอน้องหมาตัวอื่นสักเท่าไหร่ ถ้าไปที่ไหนมีกลิ่นหมา น้องมูจะสำรวจแบบบ้าคลั่งตลอดเวลา ดม ยกขา ดม ยกขา วนไปแบบไม่รู้จบ แต่ข้อดีของที่นี่คือทุกส่วนของโรงแรมจะมีรั้วกั้นที่น้องหมาจะไม่สามารถหลุดออกไปได้เลย และช่วงที่เราไปก็ไม่ค่อยมีหมาตัวอื่น เราเลยปล่อยให้น้องมูสำรวจได้รอบโรงแรม เห็นเขาได้วิ่งได้เหยียบหินเหยียบหญ้าบ้าง เราก็ดีใจ

ตอนสามโมงพวกเราออกไปคาเฟ่ Forest Bake ด้วยความที่ไม่รู้ว่ามันอยู่ตรงไหน เห็นภาพขนมและสถานที่ดูน่ารักน่าพาเด็กๆไปนั่งเล่น เราเลยลองเสริช  Google Map เห้ยมันอยู่ใกล้กับโรงแรมเกตวามากๆ ใกล้ขนาดที่เดินไปได้ แต่พวกเรากลัวน้องๆร้อนเราเลยให้พี่กอล์ฟคนขับรถตู้ขับพาไปส่ง ห้านาทีก็ถึงร้าน ร้านนี้จะมีขนมหลายอย่างมาก มากสะจนเลือกไม่ถูก เพราะหน้าตาดูน่ารับประทานไปหมดเลย ร้านนี้มีบริเวณด้านนอกที่น้องหมาน้องแมวสามารถนั่งได้นะ พวกเราสั่งขนมเครื่องดื่มกันมาลองหลายอย่างมาก ร้านนี้ปิดประมาณ 5 โมงเย็น พอ 4 โมงนิดๆปรากฎว่าฝนมาจ้า ทำยังไงหล่ะ พนักงานใจดีมากบอกว่าช่วงเย็นแล้วไม่ค่อยมีแขก พวกเราสามารถพาน้องๆเข้าไปนั่งในโซนห้องแอร์ได้นะ ดีใจสิครับ ไม่โดนฝนแถมเย็นสบายอีกด้วย และพนักงานทุกคนเอ็นดูพี่มูน้องมูมากๆ มาขออุ้ม ขอถ่ายรูป สนุกสนานกันเลยทีเดียว พอร้านปิดพวกเราก็กลับไปโรงแรม

เช้าวันที่ 2 ในเชียงใหม่

วันนี้กะว่าเดี๋ยวช่วงบ่ายจับน้องมูจิกับพี่ชีตาร์โยนลงเล่นในสระว่ายนำ้สักหน่อย อาหารเช้าวันนี้เราเลือกเป็นข้าวต้มหมูร้อนๆ โชคดีมากวันนี้เราได้มีโอกาสเจอคุณอรที่เป็นเจ้าของโรงแรม Ketawa เราเลยได้มีโอกาสคุยกันยาวๆ คุณอรได้เล่าให้พวกเราฟังหลายอย่างมาก คุณอรบอกว่าจริงๆแล้วก่อนที่จะมาเป็นโรงแรมที่ต้อนรับน้องหมาน้องแมว ที่นี่เปิดมาแล้วประมาณ 9 ปี แต่ 2 ปีหลังเพิ่งมาปรับเปลี่ยนให้เป็น Pet friendly hotel เพราะตัวคุณอรก็เลี้ยงน้องหมา และคิดว่าถ้ามีโรงแรมที่เจ้าของสามารถพักกับสัตว์เลี้ยงได้ด้วยก็จะดีมาก เราก็คิดเช่นเดียวกันถ้าเป็นไปได้อยากให้ทุกโรงแรมอย่างน้อยเปิด 1-2 ห้องเฉพาะสำหรับสัตว์เลี้ยงให้สามารถพักได้ด้วยก็จะดีมากๆ เพราะมีหลายที่มากที่เราอยากไปพักผ่อนแต่น้องหมาน้องแมวไม่สามารถเข้าพักได้ เราเชื่อว่าทุกวันนี้หลายคนเลี้ยงสัตว์เหมือนลูก ถ้าเราไปไหนเราก็อยากพาเขาไปด้วยทุกที่ แต่อย่าลืมนะครับถ้าใครพาน้องๆไปเที่ยว รบกวนช่วยกันดูแลความสะอาดกันด้วยนะครับ ถ้าพวกเราดูแลสัตว์เลี้ยงเราได้ดี อาจจะมีโรงแรมอีกหลายแห่งที่เปิดโอกาสให้ทั้งเราและสัตว์เลี้ยงของเราเข้าพัก

??????

คุณอรยังบอกอีกว่าห้องที่เราพักเป็นห้องที่เพิ่งปรับปรุงตกแต่งใหม่เพราะตัวคุณอรอยากให้มีชิงช้านั่งเล่นในห้อง เลยทำการตกแต่งทาสีใหม่ด้วย แต่ในอนาคตอันใกล้จะค่อยๆทะยอยปรับห้องที่เหลือให้เป็นแบบเดียวกัน เราคุยกันสนุกมากตามประสาคนเลี้ยงสัตว์เหมือนกันก็จะแชร์วิธีการเลี้ยงดูแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน เราให้คำแนะนำคุณอรไปเพิ่มเติมด้วยว่าถ้ามีอ่างน้ำให้แช่ในห้องด้วยก็คงจะดี เพื่อจะได้แช่น้ำเล่นกันระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงในห้องพักได้เลย

ห้องพักที่นี่มีด้วยกันทั้งหมด 13 ห้อง แบ่งเป็น 2 ชั้น แต่ห้องเราเบอร์ 14 ด้วยความเชื่อแบบฝรั่งที่จะไม่ใช้เลข 13 ตอนแรกเราก็คิดว่ามีทั้งหมด 14 ห้อง คุณอรพาเราแนะนำโซนต่างๆอย่างเช่นโซนสระว่ายน้ำที่ค่าบริการถูกมาก ถ้าน้องหมาหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม ราคา 120 บาท ถ้าเกิน 20 กิโลกรัมขึ้นไปอยู่ที่ 240 บาท ถูกแสนถูกถ้าโรงแรม Ketawa อยู่ที่กรุงเทพจะพาน้องมูไปออกกำลังกายว่ายน้ำทุกอาทิตย์แน่นอน

คุณอรบอกว่าไม่อยากให้แพงเกินไปน้องๆจะได้มาใช้บริการได้บ่อย เพราะค่าเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงเดี๋ยวนี้ไม่ถูกเลย ไหนจะค่ากิน ค่าวัคซีน ค่ารักษาต่างๆ เลยคิดว่าราคาดังกล่าวน่าจะช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองสัตว์เลี้ยงได้บ้าง ว่ายน้ำเสร็จทางโรงแรมก็มีผ้าเช็ดตัว น้ำยาอาบน้ำออแกนิค และที่เป่าขนให้เราสามารถหยิบใช้เองได้เลย หรือถ้าเราขี้เกียจก็มีบริการอาบน้ำเป่าขนโดยพนักงานให้ด้วย ส่วนโซนด้านหลังที่เพิ่งทำใหม่คือโซนฝากสัตว์เลี้ยง ราคาอยู่ที่ตัวละ 400 บาท 

ส่วนหลายคนอาจสงสัยว่าค่าบริการเข้าพักที่นี่ราคาเท่าไหร่ ถ้าเป็นช่วง Low Season ตั้งแต่มีนาคม-ตุลาคม ตกอยู่ที่คืนละ 2000 บาท ค่าสัตว์เลี้ยงตัวละ 300 ต่อคืนโดยที่สัตว์เลี้ยงสามารถใช้บริการในส่วนอื่นๆได้ฟรี ถ้าเป็นช่วง High Season ตั้งแต่ พฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ราคาเริ่มต้นที่ 3000-4000 บาท ส่วนค่าสัตว์เลี้ยงเท่ากันกับช่วง Low Season หรือถ้าใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติม เราแนะนำให้ลองโทรมาสอบถามกับทางโรงแรมก่อนก็ได้นะครับเพื่อความถูกต้อง 

หลังจากคุยกับคุณอรเสร็จ พี่ซุปก็นัดไปเยี่ยมพี่ที่รู้จักที่ไม่ได้เจอกันมานานมาก จากที่ก่อนออกไปแดดเริ่มมา เหมาะกับการว่ายน้ำถ่ายวีดีโอเป็นอย่างยิ่ง พี่ซุปไปไม่ถึงสองชั่วโมง ปรากฎว่าจากแดดเปรี้ยงเปลี่ยนมาเป็นฝนกระหน่ำแทน สรุปแล้วน้องมูก็อดว่ายน้ำอีกตามเคย ตอนแรกเราแพลนไว้ว่าจะมาแค่สี่วันเป็นทริปสั้นๆ รวมขาไปกับขากลับก็สอวันแล้ว แต่สองวันที่เชียงใหม่เรายังไม่ได้ไปเที่ยวไหนกันเลย เราเลยตัดสินใจอยู่เพิ่มอีกหนึ่งวัน พอฝนเริ่มซา เราเลยพากันไปที่ One Niman เป็นอเวนิวที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน มีร้านค้าร้านขนมคาเฟ่ และมีโซนเปิดโล่งให้คนมาถ่ายรูปและสามารถพาน้องหมาไปเดินเล่นได้ จริงๆตอนที่มาเชียงใหม่เราก็ไม่ได้บอกใครอย่างเป็นทางการว่าจะเดินทางมา แต่ระหว่างเดินเล่นอยู่ที่อเวนิว พวกเราได้เจอกับแฟนคลับน้องมูจิและน้องมูมารุหลายคนเลย เข้ามาทักทายพูดคุยขอถ่ายรูปกับน้องๆ ดีใจจังที่ได้ทักทายแฟนคลับและเขารักเอ็นดูน้องๆ เราแวะกินขนมเสร็จ ด้วยอากาศที่ขมุกขมัว พวกเราเลยพาเด็กๆกลับไปพักที่โรงแรม

เช้าวันที่ 3 ที่เชียงใหม่

วันนี้เราตั้งใจว่ายังไงวันนี้พี่มูก็จะต้องได้ว่ายน้ำ และโชคเข้าข้างเราเพราะเที่ยงวันนี้ฝนยังไม่ตก แต่กรมอุตตุนิยมวิทยาได้บอกว่าช่วงสัปดาห์นี้มีพายุเข้าทำให้ภาคเหนือมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ก่อนที่ฝนจะตกเราเลยต้องรีบจับน้องมูโยนลงสระว่ายน้ำออกกำลังกายสักหน่อย คุณหมอแนะนำมาว่าควรพาน้องหมาออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำบ่อยๆจะช่วยทำให้เขามีกล้ามเนื้อขาที่แข็งแรง ว่ายน้ำเสร็จเราก็พากันไปอาบน้ำเป่าขนและเล็มขนหน้าเล็กน้อยให้กลมบล๊อกสไตล์น้องมูจิ หลังว่ายน้ำออกกำลังกายก็พาเข้าห้องนอนพักกลางวัน ไม่ต้องถามถึงน้องมูมารุขานั้นนอนสบายทุกที่ทุกเวลาและตลอดเวลาด้วย

พอประมาณบ่ายสามแก่ๆท้องเริ่มหิวเราเลยคิดว่าจะออกไปหาที่นั่งเล่นกัน แพลนคือเราจะไป บ้าน”ข้างวัด” ซึ่งจริงๆแล้วมันไม่ได้ไกลมาก แต่ Google map พาพวกเราหลงอยู่นานมากกว่าจะหาเจอ ที่นี่น่ารักดีครับ เหมือนเป็นบ้านไม้เก่าหลายๆหลังแต่ละหลังก็จะมีของขายแตกต่างกันไปมีบริเวณสนามหญ้า ลานกว้างที่น่าจะมีไว้สำหรับการแสดงอะไรสักอย่าง อาจเป็นพวกคอนเสิร์ตเล็กๆ หรือการแสดงต่างๆ ทุกร้านดูหน้าสนใจไปหมด ทั้งร้านคาเฟ่ ร้านหนังสือ ร้านขายงานแฮนด์เมดและเซรามิค พอเรามาถึงได้ไม่เกิน 15 นาทีฝนก็ตั้งเค้ามาแต่ไกล และเริ่มลงเม็ดตกหนักขึ้นเรื่อยๆ จากที่ตอนแรกว่าจะเดินดูของตามร้านต่างๆ กลายเป็นว่าเราต้องพากันไปหลบฝนในร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีหนังสือให้เราสามารถหยิบอ่านได้ตามสบาย จำนวนหนังสือนั้นเยอะมากเรียกว่าถูกใจพี่ซุปเลยทีเดียว เราสั่งชานมอัญชัน กับทาร์ตไข่ร้อนๆ เพื่อดับความหิวระหว่างรอฝนหยุด ระหว่างนั้นก็จับพี่มูกับน้องมูมาถ่ายรูปเล่นในร้าน มีมุมน่ารักหลายมุมมีความเป็นญี่ปุ่นเบาๆ คงจะดีมากถ้าฝนไม่ตกและเราสามารถเดินไปดูร้านอื่นได้ 

เรารออยู่นานมากก็ไม่มีทีท่าว่าฝนจะหยุดเราเลยตัดสินใจให้พี่กอล์ฟคนขับรถตู้เอาร่มจากในรถมารับพวกเราเพื่อออกไปหาข้าวเย็นทานกัน ในหัวพวกเราไม่มีร้านในใจเราเลยเปิดดูลิสต์รายการที่ทางโรงแรม Ketawa แนะนำมาว่าสามารถพาน้องหมาน้องแมวไปทานได้ 

เราตกลงกันที่ Daddy’s Antique cafe and restaurant โดยที่ไม่รู้เลยว่าหน้าตาร้านเป็นยังไงอาหารรสชาดดีไหม ณ ตอนนี้ที่ฝนตกและหิวมาก ร้านไหนก็ได้หมดแล้วที่ไม่ไกลจนเกินไป แต่ปรากฎว่าพอไปถึงร้านตกแต่งน่ารักดี ด้านนอกมีโซนที่สัตว์เลี้ยงสามารถนั่งได้ แต่เวลานี้มีแค่เราโต๊ะเดียวที่นั่งด้านนอก เพราะลูกค้าคนอื่นหลบฝนเข้าไปทานอาหารกันด้านในหมดเลย บริเวณด้านในโซนคาเฟ่ก็น่ารักน่านั่งมาก แต่ด้านนอกถึงฝนจะตกแต่ก็เย็นสบายดีเหมือนกัน เมนูหลักที่นี่จะเป็นอาหารแนวอิตาเลี่ยน รสชาดอร่อย โดยเฉพาะขนมหวานหลังอาหารคาวอร่อยมาก ใครแวะมาเชียงใหม่มีเวลาก็ลองแวะมาทานอาหารและขนมที่นี่กันได้นะครับ 

เผลอแปรปเดียวก็เข้าสู่วันสุดท้ายแล้ว ความสุขของการได้พักผ่อนช่างผ่านไปเร็วอะไรเช่นนี้ เช้านี้เราตื่นมาทานอาหารเช้าเก็บสัมภาระเตรียมตัวกลับภูมิลำเนา ถือเป็นทริป 5 วันที่สนุกมาก ถึงแม้ฝนฟ้าจะไม่เป็นใจ เพราะตลอดทางขากลับฝนตกในหลายจังหวัดที่พวกเราขับรถผ่าน ทุกทริปที่เราพาสัตว์เลี้ยงไปเที่ยวด้วยกัน มักจะเป็นภาพความทรงจำที่ชัดเจนมากในใจ ทุกครั้งเวลาหยิบรูปเก่าๆมานั่งดูก็จะจำได้ว่าทริปนั้นพวกเราทำอะไรกันบ้าง การได้ใช้เวลาร่วมกันกับพวกเขา การได้พาพวกเขาไปเปลี่ยนที่นอนที่เที่ยว ทำให้เขาได้มีประสบการณ์ใหม่ๆร่วมกันกับเรา เราเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้คือความสุขที่แสนเรียบง่ายที่เราสามารถมีร่วมกันระหว่างเรากับสัตว์เลี้ยง ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้นะครับ และถ้ามีเวลาก็อย่าลืมพาเด็กๆที่บ้านไปเที่ยวพักผ่อนในวันหยุดกันด้วยนะครับ เจอกันใหม่ทริปหน้าครับ

Thank you~*

Comments

comments